ZT Maju - шаблон joomla Продвижение

ข่าวเด่นประจำวัน

dream7

9 ฝันร้ายทำนายได้ ลึก ๆ ในจิตใจ มีความผิดปกติอะไรซ่อนอยู่

ทำนายฝัน

           ในบางครั้งฝันร้ายอาจไม่ใช่แค่ลางบอกเหตุ แต่เป็นจิตใต้สำนึกลึก ๆ ในใจที่สะท้อนออกมาว่าเรากำลังมีปัญหาทางสุขภาพจิตไม่มากก็น้อย

           ฝันร้าย อยู่บ่อย ๆ จนทำให้นอนไม่หลับ หากใครกำลังเจอปัญหานี้ อยากให้ลองมาทำนายฝันกันอีกทีเพื่อเช็กสุขภาพจิตในเบื้องต้นดูก่อน เพราะจริง ๆ แล้วปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเราเลยค่ะ และขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันก่อนด้วยว่า คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่กำลังประสบภาวะเครียดมาก หรืออาจมีความกังวลกับบางเรื่องจนกระทบกับสภาวะทางด้านจิตใจก็เป็นได้ ซึ่งเราสามารถเช็กอาการเบื้องต้นเองง่าย ๆ จากการทำนายฝันตามนี้เลย
 
ทำนายฝัน

1. ฝันว่าโดนไล่ล่า
    
           หากมักจะฝันว่าถูกตามล่า หรือในฝันเห็นตัวเองวิ่งหนีอะไรสักอย่างแบบสุดชีวิต ทว่าสุดท้ายก็เหมือนจะหนีไม่พ้น ทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังวิ่งหนีอะไร 

           ทำนายฝัน : ในทางจิตวิทยาหมายความว่า คุณอาจกำลังมีปัญหาชีวิตด้านความรัก อดีตที่ฝังใจ หรือปัญหาการงานใด ๆ ที่ไม่สามารถสลัดให้หลุดพ้นได้ในตอนนี้ ซึ่งเรื่องที่กำลังกังวลอยู่ก็รบกวนจิตใจคุณมาก ๆ จนสมองสั่งให้มาระบายความเครียดเป็นความฝันดังกล่าว

           วิธีแก้ : ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Addictive Behaviors เมื่อปี 2003 เสนอวิธีแก้ฝันร้ายแนวนี้มาว่า หนทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เกิดฝันร้ายเรื่องเดิม ๆ ซ้ำอีกครั้ง คือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงให้เรียบร้อย หรือถ้าเป็นเรื่องที่เกินกว่าความสามารถเราจะแก้ไขได้ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหาอย่างมีสติจะช่วยลดความตึงเครียดและความวิตกกังวลในใจของเราได้

ทำนายฝัน

2. ฝันว่าฟันหลุด ฟันโยก

    
           ฝันว่าฟันหลุดเป็นซี่ ๆ ฟันร่วงกราวเหมือนโดมิโน่ หรือในฝันเห็นว่าฟันตัวเองแตก มีสภาพไม่เหมือนเดิม 

           ทำนายฝัน : ฟันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจ และพลังของตัวเรา ซึ่งหากฝันว่าเกิดความผิดปกติกับฟันจนน่าตกใจ ในทางจิตวิทยาทำนายว่า ตัวคุณเองกำลังรู้สึกสั่นคลอน เหมือนขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะหากความไม่มั่นใจนั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก มีเหตุการณ์บางอย่างหรือใครบางคนทำให้รู้สึกเช่นนั้น ความฝันเหล่านี้มักจะโผล่มาให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ

           วิธีแก้ : มีการศึกษาชิ้นหนึ่งกล่าวว่า การแกล้งทำเป็นเหมือนมั่นใจในตัวเองจะนำพาให้ความมั่นใจเกิดขึ้นกับเราจริง ๆ ดังเช่นผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่แสดงให้เห็นว่า การแสดงออกถึงความมั่นใจ เช่น การเดินหลังตรง เชิดหน้าขึ้นเล็ก ๆ หรือการมองสบตาคู่สนทนาแบบตรง ๆ ภาษากายเหล่านี้จะสื่อไปถึงสมอง ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรู้สึกมั่นใจและเพิ่มความรู้สึกแข็งแกร่งออกมา เป็นการเรียกคืนความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แล้วฝันร้ายทำนองนี้ก็จะลางเลือนไปในที่สุด

ทำนายฝัน

3. ฝันว่าอยากเข้าห้องน้ำหนักมาก แต่หาห้องน้ำไม่เจอ
    
           ใครมักจะฝันว่าปวดปัสสาวะ ปวดถ่ายหนักมาก ๆ แต่วิ่งหาห้องน้ำเท่าไรก็ไม่เจอ หรือไม่ก็เจอห้องน้ำแต่เป็นห้องน้ำที่ไม่สามารถใช้งานได้ สุดท้ายก็ต้องทนอั้นอยู่อย่างนั้นจนสะดุ้งตื่น

           ทำนายฝัน : ความฝันในลักษณะนี้ทางหลักจิตวิทยาจะหมายถึงการแสดงออกของภาวะกดดันที่อยู่ลึก ๆ ในจิตใจ การต้องเผชิญกับสถานการณ์อะไรก็ตามที่เราต้องตกเป็นฝ่ายรอง เป็นภาวะจำยอมที่จริง ๆ แล้วคุณอยากหลุดพ้นใจจะขาด หรือเป็นภาวะความรู้สึกของการต้องเก็บกดอารมณ์ความต้องการที่แท้จริงเอาไว้กับตัวเงียบ ๆ เช่น การมีเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่ชอบเอารัดเอาเปรียบ การจมอยู่กับความรู้สึกอยากผอมแต่ไม่ยอมลดความอ้วนสักที เป็นต้น

           วิธีแก้ : นักจิตวิทยาแนะนำว่า หากต้องตกอยู่ในสภาวะดังกล่าว ลองพิจารณาดูว่าคุณสามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นคนคุมเกม หรืออย่างน้อย ๆ จะทำอะไรบางอย่างเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเองได้ไหม เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่มองข้ามความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง แต่กลับเลือกใช้ชีวิตตามความต้องการของคนอื่น ซึ่งเป็นการนำพาตัวเองมาสู่ภาวะกดดันโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว ฉะนั้นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือการเอาชนะใจตัวเองให้ได้เสียก่อน

ทำนายฝัน

4. ฝันว่าตัวเองเดินแก้ผ้า
    
           ในฝันจะเห็นตัวเองยืนโป๊เปลือยอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่เหมือนจะไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น ๆ ทว่าในฝันนั้นคุณรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก ๆ 

           ทำนายฝัน : คุณกำลังหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่อีกนัยหนึ่งอาจหมายถึงความหวาดกลัวจะถูกเปิดโปง หรือความกดดันจากการถูกใส่ร้าย โดนคนอื่นเข้าใจตัวคุณเองแบบผิด ๆ หรือหากในฝันคุณเห็นคนรู้จักยืนโป๊เปลือย นั่นอาจหมายความว่า ลึก ๆ แล้วคุณกลัวเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ซึ่งเป็นด้านที่คุณไม่อยากจะรับรู้ออกมา

           วิธีแก้ : การเปิดใจพูดคุยกับใครสักคนอย่างหมดเปลือกจะช่วยให้คุณแก้ปัญหานี้ได้ หรืออย่างน้อยความกังวลในใจก็จะเบาบางลงไปในที่สุด

ทำนายฝัน

5. ฝันว่าทำข้อสอบไม่ได้
    
           เป็นฝันที่ย้อนช่วงเวลาไปยังตอนทำข้อสอบ ในฝันนั้นคุณรับรู้ได้ว่าตัวเองไม่พร้อมกับการทำข้อสอบมาก ๆ หรือจู่ ๆ ก็พบว่าคุณครูเรียกให้สอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมา ก่อให้เกิดความกังวลใจว่าจะทำข้อสอบไม่ได้แน่ ๆ

          ทำนายฝัน : นักจิตวิทยาจะเดาก่อนว่าคนที่ฝันแนว ๆ นี้น่าจะเป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบขั้นสุด และเขากำลังรู้สึกเป็นกังวลถึงขีดความสามารถของตัวเองอย่างรุนแรง หรือบางคนอาจฝันทำนองนี้เนื่องจากรู้สึกเครียดมาก ๆ ก็เป็นได้

          วิธีแก้ : ลองหาวิธีคลายเครียดให้ตัวเองสักหน่อย หรือไม่ก็อยู่ห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียดไปสักพัก นอกจากนี้ควรพยายามทำใจยอมรับความผิดพลาดและความล้มเหลวให้ได้ เพื่อลดภาวะกดดันตัวเองจนเครียดเกินไป

ทำนายฝัน

6. ฝันว่าบินได้
    
           ไม่ว่าจะฝันว่าตัวเองนอนหลับบนเครื่องบิน หรือฝันว่าบินอยู่เหนือท้องฟ้าแข่งกับซูเปอร์แมนจริง ๆ ก็ตาม แสดงว่าลึก ๆ แล้วคุณรู้สึก...

           ทำนายฝัน : ขาดความมั่นใจในตัวเอง หรือเป็นความกดดันจากการถูกกีดกัน ถูกขัดขวางให้ทำอย่างที่ใจอยากทำไม่ได้ คล้าย ๆ จะเป็นความรู้สึกขัดอกขัดใจอย่างรุนแรง หรืออีกนัยอาจเป็นความรู้สึกอยากมีอิสระ อยากมี อยากเป็นมากกว่าที่มี ที่เป็นอยู่ในตอนนี้

           วิธีแก้ : การโฟกัสอะไรเพียงสิ่งเดียวอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะมองเห็นสิ่งอื่น ๆ ก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจไม่ถนัดในบางสิ่ง ไม่เก่งในบางเรื่อง แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้เรื่องสักอย่างนี่นา เพราะคุณอาจมีความสามารถในด้านอื่น ๆ ที่คุณยังไม่เคยค้นพบตัวเองเลยก็ได้ ดังนั้นอย่ามัวแต่มองไปที่เป้าหมายเดียว ไม่ลองหาทางเลือกอื่น ๆ ให้ชีวิตดูบ้างล่ะ

ทำนายฝัน

7. ฝันว่าตกจากที่สูง
    
           ฝันว่าเดินตกบันได ตกเหว หรือพลาดตกตึก แล้วสะดุ้งตื่น

           ทำนายฝัน : การฝันว่าตกจากที่สูงสามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ คือ อาการนอนกระตุก ซึ่งเป็นภาวะการกระตุกของกล้ามเนื้อในช่วงที่เราหลับ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กับการฝันว่าตกจากที่สูงเนื่องจากภาวะเครียดจากการรอคอยอะไรบางอย่าง รวมทั้งความกังวลในสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ หรืออาจเป็นเพราะชีวิตช่วงนี้กำลังขาดความมั่นคงอย่างหนัก เช่น กำลังจะตกงาน กำลังหางานใหม่ หรือต้องเจอกับสถานการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา เป็นต้น

           วิธีแก้ : American Psychological Association แนะนำให้เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองได้เจอกับอะไรใหม่ ๆ การหากิจกรรมสนุก ๆ ทำ อย่างไปมีทติ้งกับเพื่อนฝูง เพื่อเบี่ยงเบนให้ตัวเองลดความคาดหวังที่มีอยู่ลงบ้างไม่มากก็น้อย หรือหากอาการยังไม่ดีขึ้น ยังฝันร้ายติด ๆ กัน แนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์จะดีที่สุด

ทำนายฝัน

8. ฝันว่าควบคุมรถไม่ได้ ฝันว่าเกิดอุบัติเหตุกับรถ
    
           ในฝันจะเหมือนเราขับรถแล้วเบรกไม่อยู่ ทำยังไงก็หยุดรถไม่ได้ และในที่สุดรถก็เกิดอุบัติเหตุจนสะดุ้งตื่น

           ทำนายฝัน : ในทางจิตวิทยา รถจะเปรียบกับหางเสือของการดำเนินชีวิต หากในฝันเราไม่สามารถควบคุมรถได้ กำหนดเส้นทางที่จะไปไม่ได้ นั่นก็สะท้อนให้เห็นว่าคุณเองก็รู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตไม่เข้ารูปเข้ารอย อะไรก็ไม่เป็นดั่งใจไปซะหมด เหมือนเราไม่สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นปกติสุขได้เลย ซึ่งนั่นแปลได้ว่าคุณกำลังขาดความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้

           วิธีแก้ : หากอับจนหนทางไม่รู้จะแก้ปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นอย่างไร การได้เข้าไปปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์จะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีลดความเครียดของตัวเองได้อย่างถูกต้อง

ทำนายฝัน
ภาพจาก pexels.com

9. ฝันว่าตื่นสาย ไปไม่ทันนัด 
    
           ในชีวิตจริงคุณอาจเป็นคนตรงต่อเวลา แต่ในฝันกลับพบว่าตัวเองไปทำงานสาย โดนเจ้านายดุ หรือไปนัดเพื่อนเลทมาก ๆ จนน่าเกลียด และในฝันนั้นคุณก็รู้สึกวิตกกังวลมากเลยทีเดียว

           ทำนายฝัน : ความฝันในทำนองนี้ส่อถึงความวิตกกังวลของคนที่กำลังจะเจอเรื่องใหม่ ๆ ความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตมาก่อน รวมไปถึงความไม่มั่นใจในตัวเองด้วย ยกตัวอย่างเช่น กำลังจะเริ่มงานใหม่ในวันรุ่งขึ้น คืนนี้คุณจึงฝันว่าตัวเองไปทำงานสาย หรือวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญมาก ๆ ก็มักจะฝันแบบนี้กันบ่อย ๆ

           วิธีแก้ : สงบจิตสงบใจตัวเองให้ดี และพยายามแชร์ความตื่นเต้น ความวิตกกังวลกับคนรอบข้าง เพื่อเป็นการบรรเทาความกังวลที่มีอยู่ไปในตัว

           นอกจากสภาวะทางจิตใจที่ไม่ค่อยมั่นคงแล้ว การที่เรานอนฝันร้ายอาจเป็นเพราะพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองด้วยนะคะ เช่นนี้เป็นต้น

ข่าวเด่นประจำวัน

640 1

10 วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงน้ำท่วมอ่าน

วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
ภาพจาก think4photop / Shutterstock.com 

          สถานการณ์น้ำท่วมจะเรียกว่าเป็นปัญหาระดับชาติก็ไม่ผิดนัก เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายในวงกว้างแล้ว ภาวะน้ำท่วมยังพาเอาจิตใจของผู้ประสบภัยเหี่ยวเฉาตามไปด้วย

          ช่วงนี้น้ำท่วมภาคใต้ ส่งผลให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใช้ชีวิตอย่างลำบาก จนอาจนำมาซึ่งภาวะเครียด เศร้าซึม และบางคนอาจกำลังมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงขอแนะนำวิธีดูแลสภาพจิตใจผู้ประสบภัยช่วงน้ำท่วม ซึ่งมีหลักและวิธีการดังต่อไปนี้ค่ะ

 
1. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

          ไม่มีอะไรดีไปกว่าการยอมรับความเป็นจริง พยายามทำความเข้าใจว่าทุกสิ่งได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่ใช่แค่เกิดกับเราเท่านั้น แต่เรายังมีผู้ร่วมชะตากรรมอีกนับไม่ถ้วน ซึ่ง ณ จุดนี้เราเข้าใจค่ะว่าอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อยที่จะยอมรับสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ทว่าให้เวลาตัวเองรู้สึกท้อแค่เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้นก็พอ อย่าลืมว่าชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ และเราต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งที่สุด

วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
ภาพจาก aphichato / Shutterstock.com 

2. ตั้งสติ จัดลำดับความสำคัญของชีวิต

          พยายามนั่งพักให้จิตใจสงบนิ่ง แล้วรวบรวมสติมองปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นจึงจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เช่น แก้ปัญหาเฉพาะหน้า การอยู่ การกิน การนอน เรื่องการขับถ่าย รวมทั้งการป้องกันโรคและสัตว์มีพิษ เป็นต้น

3. หมั่นพูดคุยกับคนรอบข้าง

          การได้พูดคุยกับคนรอบข้างก็เป็นการระบายความรู้สึกที่อัดแน่นในใจเราออกไปได้ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังช่วยให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปด้วยนะคะ หนำซ้ำยังอาจเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะยิ่งเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนบ้านที่สนิทชิดเชื้อ ก็อย่าลืมถามไถ่ทักทายกันบ่อย ๆ 

4. พยายามเข้าใจคนรอบข้างด้วย

          ในสถานการณ์วิกฤตอย่างที่เป็นอยู่ บางคนอาจเครียดจนมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิม หรือเด็ก ๆ อาจสติแตกด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งหากคนรอบข้างของเราเป็น ก็อย่ามีอารมณ์ร่วมตามไปด้วยเลยดีกว่า แต่ขอให้พยายามทำความเข้าใจและให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ทับถม ไม่ทำร้ายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปอีก

วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
ภาพจาก aphichato / Shutterstock.com 

5. ลองเป็นอาสาสมัครดูบ้าง

          กรมสุขภาพจิตแนะนำว่า วิธีลดความกังวลในจิตใจที่ดีและน่าลองอีกวิธีหนึ่ง ก็คือการเป็นจิตอาสาหรือทำสิ่งที่ช่วยเหลือผู้อื่นดูบ้าง เพราะจะทำให้เราเห็นปัญหาของหลาย ๆ คน ส่งผลให้เราตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่เจออะไรหนัก ๆ แต่ยังมีคนอื่นอีกมกที่ร่วมลำบากไปกับเราด้วย ที่สำคัญการได้ช่วยเหลือผู้อื่นยังเป็นการส่งกำลังใจถึงกันและกันที่ดีอีกวิธีหนึ่งเลยล่ะ

6. ทำสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระ 

          ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านเหลือเกิน แนะนำให้สวดมนต์ไหว้พระหรือทำสมาธิก่อนนอนทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้เรามีสติและสงบจิตสงบใจลงได้ไม่มากก็น้อย

7. หายใจคลายเครียด

          ถ้าหากรู้สึกเครียดมาก ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี ลองอยู่นิ่ง ๆ สักพักค่ะ แล้วหายใจเข้า-ออกช้า ๆ นาน 2-3 นาที เพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่สมอง ส่งผลให้ความเครียดลดลง หรือลองทำตาม 9 วิธีนี้ก็ได้

          - 9 วิธีคลายเครียด จัดไปให้หายกังวลใน 10 นาที 

8. ยืดเหยียด บิดขี้เกียจ

          ในช่วงที่เผลอจมอยู่กับปัญหา ร่างกายเราอาจไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวตามปกติก็เป็นได้ ดังนั้นลองลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจเพื่อคลายเส้นกันค่ะ เชื่อไหมว่าแค่ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ก็ช่วยไล่ความเหนื่อยล้าที่เราแบกอยู่บนบ่าได้อย่างมหาศาลแล้ว

 วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
 
9. ดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างดี

          การดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากร่างกายเราป่วย ความอ่อนแอก็อาจจะเล่นงานเราได้ง่าย ดังนั้นอย่าลืมพักผ่อนและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ในวันต่อไปนะคะ

10. ปรึกษาจิตแพทย์

          ในกรณีที่มีความทุกข์หนักหนาสาหัสมาก แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์โดยทันที หรือหากสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างมีอาการหนัก ก็ต้องรีบขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน  

          อย่างไรก็ตาม เราขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกท่านผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตในเร็ววัน และขอให้ความเข้มแข็งจงสถิตอยู่ในจิตใจของทุกคนด้วยนะคะ 

ข่าวเด่นประจำวัน

โรคเกลียดเสียง

          ถ้ารู้สึกรำคาญเสียงเคี้ยวอาหาร เสียงกลืนน้ำลาย หรือเสียงจิ๊จ๊ะรอบ ๆ กายจนพูดได้เต็มปากว่ากลียด ได้ยินแล้วเหมือนจะบ้า นี่คุณอาจป่วยโรคเกลียดเสียง หรือ โรค Misophonia อยู่ก็ได้

          อ่านไม่ผิดหรอกค่ะว่าอาการหงุดหงิดเสียงเคี้ยวอาหาร เสียงกดคีย์บอร์ด หรือเสียงเคาะโต๊ะ อาจเป็นอาการของโรคเกลียดเสียงหรือโรคมีโซโฟเนีย (Misophonia) ได้ เพราะในโลกนี้ก็มีคนป่วยด้วยโรคเกลียดเสียงอยู่มากพอสมควร และหากคุณก็รู้สึกมีอาการผิดปกติทุกครั้งที่ได้ยินเสียงน่ารำคาญเหล่านี้ ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ปวยโรคเกลียดเสียงอยู่นะ เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักโรคเกลียดเสียง (Misophonia) และเช็กอาการไปในตัวเลยดีกว่า

 
โรคเกลียดเสียง

โรคเกลียดเสียง (Misophonia) คืออะไร

          โรคเกลียดเสียงหรือโรคมีโซโฟเนีย (Misophonia) คำว่า Miso แปลว่า เกลียด ส่วน Phon แปลว่า เสียง จึงกลายเป็นโรคเกลียดเสียง เรียกอีกอย่างได้ว่า โรคไวต่อเสียงบางอย่าง นับเป็นโรคจิตเวชอย่างหนึ่ง ซึ่งมีเสียงเป็นตัวเร้า และโดยส่วนมากเป็นเสียงที่ออกมาจากปาก เช่น เสียงเคี้ยวอาหาร เสียงหาว เสียงผิวปาก ทำให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงเหล่านั้นด้วยอาการที่ไม่ปกติ บางคนอาจรู้สึกรำคาญหนักมาก บางคนรู้สึกโกรธเกลียด หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงอันก่อกวนจิตใจ ส่งผลให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรงทั้งทางร่างกายและอารมณ์

โรคเกลียดเสียง

โรคเกลียดเสียง (Misophonia) เกิดจากอะไร

          โรคมีโซโฟเนียถูกสันนิษฐานว่าเกิดจากความผิดปกติของการทำงานของสมอง โดย ดร.Sukhbinder Kumar นักวิทยาศาสตร์แห่ง U.K.'s Newcastle University ระบุว่า เป็นเพราะสมองของบางคนผลิตอารมณ์ตอบสนองที่มากเกินไป ยืนยันจากการวิจัยที่พบว่าสมองของผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงมีการสั่งการสมองส่วนที่แสดงความรู้สึกนึกคิดอย่างไวเกินเหตุ ก่อให้ผู้ป่วยรู้สึกรุนแรงเมื่อได้ยินเสียงเร้าบางเสียง

          ทั้งนี้นักวิจัยพบว่า การตอบสนองของผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงส่วนมาก มักจะมาในรูปอารมณ์โกรธซึ่งมักจะเป็นความรู้สึกโกรธที่ยากจะควบคุมซะด้วย


โรคเกลียดเสียง (Misophonia) เกิดกับใครได้บ้าง 

          จากสถิติแล้ว ผู้ป่วยโรคเกลียดเสียง จะเริ่มมีอาการในช่วงอายุระหว่าง 9-13 ปี และมักจะเกิดกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนมากอาการจะค่อย ๆ เป็นทีละน้อย เกิดขึ้นไม่เร็ว จนอาจจับสังเกตอาการไม่ค่อยได้ในระยะแรก ๆ ทว่าต่อมาอาการจะเกิดถี่ขึ้น เป็นบ่อยขึ้นกับสถานการณ์ประจำวัน เมื่อนั้นถึงจะรู้ว่าป่วย

โรคเกลียดเสียง

โรคเกลียดเสียง (Misophonia) มีเสียงอะไรที่กระตุ้นได้บ้าง

          แม้ผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงจะเกิดอาการกับเสียงที่ออกมาจากปากซะส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วเสียงที่กระตุ้นให้เกิดอาการโรคเกลียดเสียงได้ ก็มีอยู่หลายเสียงพอสมควร ซึ่งก็มีคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ

          - เสียงที่มาจากปาก ทั้งเสียงรับประทานอาหาร เสียงบดเคี้ยว เสียงกัดอาหารกรอบ ๆ เสียงเรอ เสียงจูบ เสียงกัดเล็บ เสียงกระดกลิ้น ผิวปาก เสียงกัดฟัน เสียงฟันกระทบช้อน เสียงดูดไอศกรีม เสียงดูดน้ำ เสียงกลืนอาหาร เสียงกลืนน้ำลาย เป็นต้น

          - เสียงลมหายใจ เสียงฟืดฟาดจากจมูก 

          - เสียงจากลำคอ เช่น เสียงคนกระซิบกันเบา ๆ เสียงแหบ ๆ ใหญ่ ๆ เสียงคนร้องเพลงไม่เพราะ 

          - เสียงจากสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงฝน เสียงน้ำไหล เสียงพิมพ์คีย์บอร์ด เสียงจากแป้นสมาร์ทโฟน เสียงคลิกเมาส์ เสียงเปิดหนังสือ เสียงพลิกหนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่เสียงโทรศัพท์

          - เสียงเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เสียงเอี๊ยดจากจาน เสียงช้อน-ส้อมกระทบกัน เป็นต้น

          - เสียงพลาสติก เช่น เสียงจากการบีบขวดน้ำพลาสติก เสียงกรอบแกรบจากถุงพลาสติก เป็นต้น

          - เสียงจากการเปิดภาชนะอะไรก็ตาม

          - เสียงรถ เช่น เสียงสัญญาณกันขโมย เสียงปิดประตูรถ เสียงแตร เป็นต้น

โรคเกลียดเสียง

          - เสียงดังกระหึ่มจากแอร์คอนดิชั่นเนอร์ เสียงเครื่องตัดหญ้า เสียงจากเครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น

          - เสียงของบางคน หรือเสียงทุ้ม ๆ ของเบส เสียงทุ่มบาสเกตบอล หรือเสียงกระแทกประตู-หน้าต่าง

          - เสียงสัตว์ เช่น เสียงสุนัขเห่า เสียงนก เสียงตุ๊กแก เสียงกบร้อง เสียงแมวฝนเล็บ เป็นต้น

          - เสียงเด็กร้องไห้ เสียงเด็กตะโกน แม้กระทั่งเสียงผู้ใหญ่ดัดเสียงเป็นเด็ก

          - เสียงดังจากทีวีหรือวิทยุ

          - เสียงจากการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เสียงเคาะเท้า เสียงเดินลากเท้า เสียงดีดนิ้ว เสียงรองเท้าแตะ เป็นต้น

โรคเกลียดเสียง

โรคเกลียดเสียง (Misophonia) อาการเป็นยังไง

          ผู้ป่วยโรคเกลียดเสียง เมื่อได้ยินเสียงบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดอาการก็มักจะแสดงออกทางร่างกายหรือจิตใจดังนี้

          - อารมณ์เสีย หงุดหงิดอย่างมาก

          - รู้สึกไม่สบายทั้งทางกายและจิตใจ

          - รู้สึกอยากเผ่นหนี

          - รู้สึกรังเกียจ ขยะแขยง

โรคเกลียดเสียง

          ทว่าสำหรับคนที่อาการค่อนข้างหนัก อาจมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย

          - รู้สึกโกรธ

          - รู้สึกเกลียดเสียงเหล่านี้มาก ๆ

          - เกิดอาการแพนิค (Panic) ใจสั่น เหงื่อแตก หายใจไม่ออก

          - รู้สึกกลัวอย่างรุนแรง

          - รู้สึกเหมือนจะตาย รู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

          - อยากทำลายหรือฆ่าคนที่ทำให้เกิดเสียงเพียงเพื่อจะหยุดเสียงอันน่ารำคาญนั้นไปซะ

          - มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ให้พ้นจากเสียงที่ได้ยิน

          อย่างไรก็ดี อาการของโรคเกลียดเสียงก็ขึ้นกับระดับความป่วยที่เป็น ดังนั้นหากคุณมีอาการรำคาญเสียงบางอย่างขั้นสุด ก็อย่าวางใจในความรำคาญนั้นนะคะ ทางที่ดีลองปรึกษาจิตแพทย์สักหน่อยดีกว่า

โรคเกลียดเสียง

โรคเกลียดเสียง (Misophonia) รักษาได้ไหม

          โรคเกลียดเสียงเป็นโรคจิตเวชชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. รักษาด้วยการบำบัดจิต

          วิธีรักษาโรคเกลียดเสียงด้วยการบำบัดทางจิต อาจใช้ได้กับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก สามารถรักษาโดยการพูดคุย ปรับทัศนคติ และการฝึกฟังอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ ซึ่งการรักษาจะมุ่งฝึกฝนให้ผู้ป่วยรับมือกับเสียงที่ได้ยิน และฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเร้า 

2. รักษาด้วยยา


          ยาที่ใช้รักษาอาการโรคเกลียดเสียงจะเป็นกลุ่มยาต้านเศร้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ลดความเครียด ความวิตกกังวลเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่พึงประสงค์

          อย่างไรก็ตาม การรักษาผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์หรือนักจิตวิทยา ซึ่งอาจจะเลือกการรักษาวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือใช้ทั้ง 2 วิธีควบคู่กันไปก็ได้

          สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองมีอาการที่เข้าข่ายโรคเกลียดเสียงอยู่ แต่คิดว่าอาการยังไม่หนักมาก จริง ๆ แล้วการพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยให้คุณควบคุมอาการของโรคได้เช่นกัน หรือบางคนอาจใช้วิธีเลี่ยงอื่น ๆ เช่น หาเพลงมาฟัง หรือหลบไปสงบสติอารมณ์ในที่เงียบ สงบ เมื่อได้ยินเสียงที่รู้สึกรำคาญก็ได้เช่นกันนะคะ 

ข่าวเด่นประจำวัน

ปาทานหมู่ คืออะไร โรคติดต่อทางใจ ใช่ไสยศาสตร์

อุปาทานหมู่

          อุปาทานหมู่ คืออะไร รู้ไหมว่าเบื้องหลังอาการที่เหมือนจะลี้ลับ จริง ๆ แล้วมีคำอธิบายตามหลักจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่

          ได้เห็นจากข่าวกันก็บ่อยที่กลุ่มคน กลุ่มเด็กนักเรียน ทำพิธีอะไรบางอย่าง แล้วจู่ ๆ ก็เกิดอาการเหมือนผีเข้า กรีดร้อง ชักเกร็งกันยกคณะ ซึ่งลักษณะแบบนี้เราจะเรียกว่าอุปาทานหมู่ใช่ไหมคะ แต่รู้หรือเปล่าว่าอุปาทานหมู่เกิดขึ้นได้อย่างไร อุปาทานหมู่จะเป็นเรื่องลี้ลับไหม มาหาคำอธิบายตามหลักจิตวิทยากัน
 
อุปทานหมู่

อุปาทานหมู่ คืออะไร

          อุปาทานหมู่ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Mass hysteria อุปาทานหมู่จัดเป็นโรคติดต่อทางจิตชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดกับบุคคลตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยส่วนมากจะเกิดในกลุ่มคนที่มีความคิด ความเชื่อ หรือมีลักษณะแวดล้อมบางอย่างร่วมกัน มีการเผชิญปัญหา ความกดดันเดียวกัน จึงก่อให้เกิดอาการทางกายในลักษณะคล้ายกันขึ้นมา โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยทางกายมาเกี่ยวข้อง

อุปาทานหมู่ เกิดกับใครได้บ้าง

          ส่วนใหญ่แล้วอุปาทานหมู่มักจะเกิดกับเด็ก วัยรุ่น เพศหญิงมากกว่าเพศชาย และมักจะเกิดอาการอุปาทานหมู่กับคนที่มีสภาพจิตใจไม่ค่อยมั่นคงได้ง่ายกว่าคนที่มีสภาพจิตใจหนักแน่น 

อุปาทานหมู่ เกิดจากอะไร

          ทางจิตวิทยาอธิบายไว้ว่า การเกิดอุปาทานหมู่ เริ่มจากบุคคลหนึ่งเจ็บป่วยหรือมีภาวะเครียด แล้วแสดงอาการออกมา ซึ่งจะเป็นตัวเหนี่ยวนำให้คนอื่น ๆ แสดงอาการตาม ก่อให้เกิดอุปาทานหมู่ขึ้นมาได้

          อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของการเกิดอุปาทาน ก็เป็นไปได้ว่าจะมีสาเหตุมาจากความกดดัน ความตื่นเต้น ความรู้สึกกลัวบางอย่าง จนทำให้เกิดอาการผิดปกติทางกายภาพ เช่น หายใจเร็วและแรง ร่างกายชักเกร็ง ตัวสั่น ซึ่งอาจเหนี่ยวนำให้คนอื่น ๆ ที่มีความกดดัน ความรู้สึกกลัว หรือตื่นเต้นในสถานการณ์เดียวกัน มีอาการแบบเดียวกันด้วยก็ได้

อุปาทานหมู่ อาการเป็นยังไง

          เมื่อเกิดอุปาทานหมู่ จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง เกร็งท้อง อ่อนเพลีย หายใจลำบาก หรือหายใจหอบเร็ว ชักเกร็ง เป็นลม หมดสติ ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่ชั่วคราว และมักจะตรวจหาสาเหตุของอาการทางกายไม่พบ

          ทว่าจิตแพทย์ก็ได้อธิบายว่า เมื่อคนเรารู้สึกตื่นเต้นหรือกลัวในบางสิ่ง ร่างกายจะเกิดภาวะไฮเปอร์ คือหายใจหอบเร็วผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเยอะเกินไป ซึ่งการที่ร่างกายมีระดับคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าปกติ ก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อมีอาการชักเกร็ง มีอาการชา มึนงง และอาจหมดสติได้ในบางคน


อุปทานหมู่

อุปาทานหมู่ รักษาได้ไหม

          
แม้แพทย์จะตรวจหาสาเหตุของอาการอุปาทานหมู่ไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วเรามีวิธีรักษาอาการอุปาทานหมู่ที่ทำได้ไม่ยาก ดังนี้เลยค่ะ

1. แยกผู้ป่วยออกจากกัน


          พยายามแยกผู้ป่วยคนแรกที่เกิดอาการออกมาจากกลุ่มเพื่อทำการรักษาด้วยการตรวจวิเคราะห์ร่างกายเบื้องต้น เมื่อผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ได้พักผ่อนสักพัก อาการก็จะกลับเป็นปกติได้ และหากเป็นไปได้ให้พยายามแยกผู้ป่วยที่มีอาการทั้งหมดออกจากกัน จัดให้ไปอยู่ในห้องที่เงียบสงบเพื่อระงับสติอารมณ์ด้วย

2. รักษาตามอาการที่เป็น

          หากสังเกตเห็นผู้ป่วยอุปาทานหมู่มีอาการหายใจแรงผิดปกติ ให้รักษาด้วยการใช้ถุงกระดาษครอบหน้า เพื่อให้เขาหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์กลับเข้าไป ไม่นานอาการหายใจหอบแรงก็จะบรรเทาลงได้เอง

3. รักษาด้วยจิตบำบัด

          ทั้งแบบบุคคลและแบบกลุ่ม เมื่ออาการทางกายหายแล้ว แต่สภาพจิตใจยังหวาดกลัว หรือฝังใจเชื่อในเรื่องเดิม ๆ อยู่ ก็อาจกลับมาเป็นอุปาทานหมู่ได้อีกครั้ง ดังนั้นควรมีหน่วยงานด้านจิตวิทยาเข้าไปบำบัด พูดคุยให้ผู้ป่วยเข้าใจสถานการณ์ และอาการที่เป็นอยู่ หรืออาจต้องอาศัยผู้นำชุมชน ผู้นำโรงเรียน เข้ามาแก้ไขความเชื่อนั้น ๆ หรือจัดทำพิธีขอขมาเพื่อลบล้างความผิด เพื่อให้ผู้ป่วยอุปาทานหมู่เกิดความรู้สึกสบายใจก็ได้

          อ่านมาถึงบรรทัดนี้คงเข้าใจกันแล้วนะคะว่าอาการอุปาทานหมู่มีที่มาที่สามารถอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งเราก็เชื่อว่าหากทุกคนมีความเข้าใจในอาการนี้ ก็จะมีสติ และลดโอกาสที่จะเกิดอุปาทานหมู่ในครั้งต่อ ๆ ไปได้เช่นกัน

ข่าวเด่นประจำวัน

 

t640 2
          ตอนนี้ใครกำลังงอแงไม่อยากกลับไปทำงานหลังจากหยุดยาวมาหลายวัน หรือเบื่อมากที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปเรียนหลังจากไปเที่ยวกลับมา ยกมือแสดงตัวกันหน่อยค่ะ เพื่อเป็นสัญญาณบอกเราสักนิดว่าคุณก็ตกอยู่ในสภาวะ Post-Vacation Blues ด้วยเหมือนกัน และตอนนี้สภาวะอารมณ์ก็เหี่ยวเฉา เพลียจิตเพลียใจไม่คิดอยากทำอะไรเลยสักอย่าง ทว่าจะปล่อยให้ตัวเองจมกับความเศร้าหลังวันหยุดยาวคงไม่ดีต่อใจนัก งั้นเอาเป็นว่ามาทำความรู้จักภาวะ Post-Vacation Blues ไปพร้อมกับวิธีฟื้นฟูจิตใจตัวเองจากอาการซึม ๆ กันดีกว่า
 
ซึมเศร้าหลังหยุดยาว

Post-Vacation Blues คืออะไร
    
          ในทางจิตวิทยาแล้วสภาวะ Post-Vacation Blues คือ ห้วงอารมณ์ซึม เศร้า เหงา หงอย หลังจากได้ใช้ชีวิตสนุกสนานไปกับวันหยุดยาว บางคนมีความคิดถึงความสุขในช่วงวันหยุดนั้น คิดถึงคนที่บ้าน คิดถึงบรรยากาศสบาย ๆ ไม่มีเรื่องงาน ไม่มีเรื่องเรียนมากวนใจ ทำให้ไม่อยากกลับไปทำงาน ไม่อยากกลับไปเรียน ก่อเป็นความเซ็งระดับสิบจนทำให้โลกไม่สดใสไปชั่วขณะหนึ่งเลย

          ทว่าจริง ๆ แล้ว Post-Vacation Blues ก็ไม่จัดอยู่ในโรคจิตเวชนะคะ เพราะส่วนมากแล้วอารมณ์ซึมเศร้าหลังวันหยุดยาวจะค่อย ๆ หายไปตามวันเวลา พอถึงจุดหนึ่งเราก็จะเข้าใจและยอมรับความเป็นจริงได้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่กระนั้นก็มีบางเคสเหมือนกันที่ความเศร้าครอบงำจนกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งหากคุณมีอาการซึมเศร้าจนอะไรก็ห่อเหี่ยวไปหมดในลักษณะนี้ ลองวิธีปราบความซึมเศร้าหลังวันหยุดยาวตามนี้ดูสักตั้งไหมล่ะ


อารมณ์ดี

วิธีเอาชนะความซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว

1. วางแผนเที่ยวครั้งต่อไป
    
          ผลการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Applied Research in Quality Of Life ปี 2010 เผยว่า เพียงเราวางแผนเที่ยวก็สามารถสร้างความสุขให้เราได้ และความสนุกจะยิ่งทวีคูณมากขึ้น หากเราหาที่พัก หาทริปเที่ยวในเวลางาน ซึ่งนักวิจัยก็อธิบายว่าเป็นการดึงตัวเองออกจากความเครียดและความกดดันที่เป็นอยู่ โดยการหันเหความสนใจไปที่ทริปเที่ยวทริปต่อไปของเรานั่นเอง

ซึมเศร้าหลังหยุดยาว

2. ตั้งเป้าหมายระยะสั้น
    
          การใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายจะทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาได้ง่าย ๆ ดูอย่างตอนที่เราจองทริปเที่ยวไปแล้วสิคะ เรายังมีไฟอยากเร่งให้ถึงวันออกเดินทางเร็ว ๆ เลย ดังนั้นก็เช่นกัน หากเราตั้งเป้าหมายระยะสั้น ๆ ในชีวิตตัวเองทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นตั้งเป้าหมายพิชิตงาน พิชิตความอ้วน ท้าตัวเองกินคลีน 1 สัปดาห์ หรือนัดไปดูหนังกับเพื่อนสุดสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง ชีวิตเราก็คงจะมีแต่เรื่องที่น่าสนุกและมีสีสันขึ้นแล้วล่ะ

3. กินอาหารเหมือนตอนไปเที่ยว
    
          หนึ่งในความสุขของมนุษย์เราคือการกินค่ะ ยิ่งในตอนไปเที่ยว ก็ต้องมีร้านเด็ดต้องไปโดน มีเมนู Don’t miss ที่ต้องไปลองให้ได้ ซึ่งความสุขเหล่านี้เราก็นำกลับมาสร้างสีสันให้ชีวิตประจำวันได้ด้วยนะคะ อย่างการพาตัวเองไปกินซีฟู้ดปิ้งย่าง อาหารทะเลตามร้านใกล้บ้าน หรือถ้าคิดถึงอาหารญี่ปุ่นจากทริปเจแปนเมื่อเดือนที่แล้ว เราก็ไปหาราเม็งในร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ ๆ กินก็ได้นี่ คงช่วยลดความคิดถึงลงไปได้ไม่มากก็น้อยล่ะเนอะ

จัดบ้าน

4. จัดบ้านใหม่ ทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่
    
          มัวนั่งซึมเศร้าไม่เกิดประโยชน์หรอกค่ะ ลุกมาทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านให้น่าอยู่ขึ้นกันดีกว่า เปลี่ยนมุมสักหน่อย ย้ายเฟอร์นิเจอร์สักนิด แค่นี้เราก็เหมือนได้เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองแล้ว อีกทั้งการทำงานบ้าน ออกแบบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ยังเป็นวิธีผ่อนคลายอย่างหนึ่งด้วยนะ

5. ย้อนความทรงจำ
    
          ในบางห้วงที่รู้สึกซึมกะทือมาก ๆ การได้ย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาแห่งความสุขจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกดีให้เราได้ โดยคุณอาจเปิดดูภาพ ดูคลิปวิดีโอที่ถ่ายตอนไปเที่ยวก็ได้ หรือจะอัดภาพมาติดประดับบ้านก็แล้วแต่สะดวกเลย

ซึมเศร้าหลังหยุดยาว

6. รีแลกซ์บ้าง

          ผลการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Applied Research in Quality Of Life ปี 2010 เผยว่า การผ่อนคลายให้ตัวเองไม่ได้แปลว่าเราต้องออกเดินทางเสมอไป เพียงนอนแช่น้ำอุ่นผสมน้ำมันหอมระเหย แค่นี้ก็ช่วยผ่อนคลายอารมณ์เหงา ๆ ให้เราได้แล้ว หรือจะลองไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือเดินชมสถานที่ที่เคยผ่านแต่ไม่เคยแวะ นักวิจัยก็บอกว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกดี ๆ ได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน

7. ออกกำลังกาย

          ถ้ารู้สึกซึม ๆ เศร้า ๆ ไปออกกำลังกายเรียกเหงื่อบ้างก็ดีนะคะ เพราะการมีกิจกรรมให้ทำก็ดีกว่านั่งจมกับความรู้สึกดาวน์เป็นไหน ๆ และการออกกำลังกายจะช่วยให้คุณโฟกัสในเรื่องอื่นรอบ ๆ ตัวได้มากขึ้น แถมยังได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง นี่แหละที่เขาว่ากันว่า กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ

          - 10 วิธีออกกำลังกายสลายโรคซึมเศร้า !  

ซึมเศร้าหลังหยุดยาว

8. พักผ่อนให้เพียงพอ 

          ถ้าวันหยุดยาวที่ผ่านมาคุณตื่นเช้า นอนดึกทุกวัน ต้องรีบจัดตารางชีวิตให้ลงตัวโดยเร็วค่ะ เริ่มจากการนอนให้เพียงพอก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ก็เพื่อขจัดความรู้สึกอ่อนล้า หมดแรงออกไปก่อน จะได้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังกายที่สดชื่นเต็มเปี่ยม

          ถึงแม้วันหยุดจะผ่านไปไวแค่ไหน แต่ความสุขเราก็สร้างเองได้ทุกวินาทีนะคะ ฉะนั้นเรียกตัวเองกลับคืนจากความซึมความเศร้ากันดีกว่า แล้วกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปทุกวันกันเถอะ !

Subcategories

  • ข่าวประชาสัมพันธ์

    ความเครียด!!!

    วามเครียด เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ

    ลกระทบที่ได้จากความเครียด
       
    -
    ด้านร่ายกาย เช่น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง เป็นต้น
        - ด้านอารมณ์ เช่น ส่งผลให้ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกท้อแท้ อ่อนไหวได้ง่าย เป็นต้น
        - ด้านพฤติกรรม เช่น มีปัญหาด้านการกิน นอนไม่หลับ แยกตัวออกจากสังคม เป็นต้น

    าเหตุของความเครียด
        1.จากตัวเอง
           อคติ รับผิดชอบงานไม่ตรงความสามารถ ภาวะกดดันการทำงานในระยะเวลาจำกัด ปัญหาครอบครัว
        2.สภาพแวดล้อมในการทำงาน
           ปริมาณงานมาก ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานไม่ดี งานมีระเบียบมากไป งานไม่มีความมั่นคงก้าวหน้า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี

  • ข่าวเด่นประจำวัน

    วามเครียด เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ

    ลกระทบที่ได้จากความเครียด
       
    -ด้านร่ายกาย เช่น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง เป็นต้น
        - ด้านอารมณ์ เช่น ส่งผลให้ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกท้อแท้ อ่อนไหวได้ง่าย เป็นต้น
        - ด้านพฤติกรรม เช่น มีปัญหาด้านการกิน นอนไม่หลับ แยกตัวออกจากสังคม เป็นต้น

    าเหตุของความเครียด
        1.จากตัวเอง
           อคติ รับผิดชอบงานไม่ตรงความสามารถ ภาวะกดดันการทำงานในระยะเวลาจำกัด ปัญหาครอบครัว
        2.สภาพแวดล้อมในการทำงาน
           ปริมาณงานมาก ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานไม่ดี งานมีระเบียบมากไป งานไม่มีความมั่นคงก้าวหน้า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี

Zo2 Framework Settings

Select one of sample color schemes

Google Font

Menu Font
Body Font
Heading Font

Body

Background Color
Text Color
Link Color
Background Image
 
Top of Page